ตุล (นพชัย ชัยนาม) เป็นอดีตนายตำรวจหนุ่มมือสะอาด อนาคตไกล แต่วันหนึ่งเขาถูกบังคับให้ทิ้งคดียาเสพติด คดีใหญ่ที่สุดคดีหนึ่ง เพราะจำเลยในคดีนั้น คือผู้มีอิทธิพลเหนือกฏหมาย สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เขาพบว่ามีองค์ลับถูกตั้งขึ้นมา เพื่อเก็บมารสังคมที่กฏหมายทำอะไรไม่ได้ เช่น พวกนักการเมืองคอรัปชั่น พ่อค้ายาเสพติดในรูปแบบของนักธุรกิจ หรือพวกร่ำรวยจากการค้าประเวณี และผู้มีอิทธิพลเหนือกฏหมายทั้งหลาย มันทำให้เขาเดินเข้าไปในวังวนนี้ และยอมรับงานเป็นมือปืนในที่สุด
งานชิ้นล่าสุด ตุล พลาดท่าถูกยิงที่ศีรษะ เขารอดตายหวุดหวิดแต่ก็นอนโคม่าอยู่ร่วม 3 เดือน เมื่อฟื้นขึ้นมา ตุล เห็นภาพทุกอย่างกลับหัว และถึงแม้ว่าเขาจะพักฟื้นจนร่างกายสมบูรณ์แล้ว สายตาของเขาก็ยังเห็นภาพกลับหัวอยู่เช่นเดิม ตุลจึงตัดสินใจลาออกจากองค์กรลับแห่งนั้น เขาคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะวางปืนอำลาอดีต กลับไปมีชีวิตใหม่ที่เรียบง่ายและสงบสุข แต่กรรมที่เขาทำไว้ในอดีตจะปล่อยให้เขาหลุดจากบ่วงของมันได้ง่ายๆ จริงหรือ ความชอบธรรมที่เขาเชื่ออย่างสนิทใจว่ามีส่วนสร้างมันขึ้นมานั้น แท้จริงแล้วมันเป็นความชอบธรรมจริงหรือ และสมณเพศที่ตุลตัดสินใจเข้าไปใช้ชีวิตอยู่นั้น จะสามารถให้ความสงบร่มเย็น กับคนที่ยังไม่ได้รับการอโหสิกรรมอย่างเขา
ฝนตกขึ้นฟ้า ผลงานกำกับเรื่องที่ 8 ของ เป็นเอก รัตนเรือง เขียนบทโดยนักเขียนซีไร์ท วินทร์ เลียววาริน อีกทั้งยังเป็นหนังในสไตล์แอคชั่นนัวร์ที่ไม่ค่อยเห็นในบ้านเรา (เท่าที่จำได้ก็คงย้อนกลับไปในปี 2534 กับ กะโหลกบางตายช้า กะโหลกหนาตายก่อน ของ มานพ อุดมเดช) นอกจากนั้นหนังยังได้รับรางวัลทุนไทยเข้มแข็งด้วยงบประมาณ 18 ล้านบาท และได้รับเงินทุนสนับสนุนการผลิตจากบริษัทโอสถสภา รวมถึงได้รับการคัดเลือกเข้าโครงการ Tokyo Project Gathering อีกด้วย
หนังดำเนินตัดสลับเหตุการณ์ต่างๆ โดยไม่เรียงลำดับเวลา หากไม่ตั้งใจหรือจับสังเกตุไม่ได้ก็อาจจะงงว่าทำไมพระเอกติดคุกอยู่ แล้วตัดมาอีกฉากออกมาอยู่ข้างนอก พอตัดมาอีกฉากอยู่ในคุก หนังดำเนินเรื่องอย่างกระชับ ไม่มีส่วนไหนที่ดูยืดเยื้อหรือปราศจากเหตุผล ทุกการกระทำมีที่มาและทีไป หนังมีความโดดเด่นในส่วนของงานถ่ายภาพ ความกดดัน การจัดแสงที่เน้นเงามืด แม้ในเวลากลางวันตามลักษณะของหนังฟิลม์นัวร์ บทพูดที่กระชับและไม่ประดิดมากมาย นักแสดงทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี แม้บางคนอาจจะมีบทบาทน้อยก็ตามที ตัวละครทุกตัวถูกสร้างและใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่
หนังแฝงความคิดหรือมุมมองของความยุติธรรมผ่านตัวละครที่ชื่อตุล ไม่ว่าจะเป็นการมองในตอนที่เป็นตำรวจ ตอนที่เป็นคนคุก และตอนที่ฟื้นจากอาการโคม่าแต่มองภาพทุกอย่างกลับหัว ความรู้สักกระอักกระอ่วนใจของตุลที่ต้องลงมือสังการกาฝากสังคมอย่างนักการเมืองหรือนักธุรกิจเลวๆ ความเกรงกลัวต่อบาปที่ตนเองก่อเอาไว้ แม้ในยามเป็นพระชีวิตก็ยังคงมีมารมาผจญ หาความสงบสุขไม่ได้ แม้ในบทสรุปตอนท้ายอาจจะไม่ผิดไปจากการคาดเดาของผู้ชม แต่นั้นก็เป็นบทสรุปที่น่าจะลงตัวที่สุดแล้ว