Noah (2014)

โนอาห์ (รัสเซล โครว์) บุตรแห่งลาเมค (มาร์ตอน โซคาส) ทายาทบุตรคนที่สามแห่งอดัมกับอีฟได้ฝันเห็นถึงภัยพิบัติที่กำลังคืนคลานมาโดยฝีมือของผู้สร้างหรือพระเจ้า โนอาห์และครอบครัวได้แก่ นาอาเมห์ (เจนนิเฟอร์ คอนเนลลี) เชม บุตรชายคนโต (ดักลาส บูธ) ฮาน บุตรชายคนรอง (โลแกน เลอร์แมน) และยาเฟธ บุตรคนสุดท้อง (ลีโอ คาร์โรลล์) ทั้งหมดเดินทางไปหา เมธูเซลาห์ (แอนโธนี ฮ็อปกิ้นส์) เพื่อปรึกษาหาทางแก้ไข ระหว่างทางโนอาห์ได้ช่วยเหลือ อิล่า (เอ็มม่า วัตสัน) ที่ได้รับบาดเจ็บ โนอาห์และทั้งหมดโดน The Watchers เทพผู้ร่วงจากสวรรค์ทั้ง 6 จับกุมไว้ แม้โนอาห์จะพยายามเพียรบอกเท่าไหร่ ก็ไม่มีใครเชื่อ ยกเว้น เซมยาซ่า (นิค โนลเต้) 1 ใน The Watchers ที่รับฟังและพาโนอาห์มาพบกับเมธูเซลาห์ ที่นั้นโนอาห์เกิดนิมิตอีกครั้งทำให้เขารู้ว่าจะปกป้องมวลมนุษย์และสรรพสัตว์อย่างไรกับมหาวิบัติล้างโลก นั้นก็คือการสร้าง นาวา หรือ ดิอาร์ค ในขณะเดียวกัน ทูบอล-คาอิน (เรย์ วินสโตน) ทายาทของบุตรคนโตแห่งอดัม-อีฟที่หันหลังให้กับพระเจ้าก็ได้ทราบเรื่องทั้งหมดและเดินทางมาเพื่อยึดดิอาร์คมาเป็นของตน และที่นั้นทั้งโนอาห์และทูบอล-คาอินก็มีเรื่องราวแต่หนหลังที่ต้องสะสางให้เสร็จสิ้นก่อนวันล้างโลกมาถึง

Noah ภาพยนตร์แนวดรามาผจญภัย ว่าด้วยเรื่องราวตำนานน้ำท่วมโลกและเรืออาร์คแห่งโนอาห์ ผลงานการกำกับของ ดาร์เรน อโรนอฟสกี (Pi, Requiem for a Dream, The Fountain, The Wrestler และ Black Swan) จากบทภาพยนตร์ที่เขียนร่วมกับ อาริ แฮนด์เดล (The Fountain) ที่อิงมาจากเรื่องราวของโนอห์ในพระคัมภีร์บทพระธรรมปฐมกาล

Noah อาจจะดูคล้ายกับภาพยนตร์แนวหายนะโลกที่หลายคนอาจจะคาดหวังกับการดำเนินเรื่องที่ลุ้นระทึกและงานเอฟเฟ็กต์ที่สุดกิ๋บเก๋ อาจจะต้องผิดหวังเพราะนอกจากงานเอฟเฟ็กต์ที่สุดกิ๋บเก๋แล้ว Noah มีการดำเนินเรื่องในรูปแบบเรื่อยๆ ไปเรียงๆ อีกทั้งตลอดความยาว 138 นาที Noah อุดมไปด้วยบทสนทนาและงานด้านภาพที่ต้องนำมาคิดทบทวนอยู่ตลอดเวลา เพราะแท้จริงแล้วเรื่องราวใน Noah เป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์เราต้องหันกลับมาพิจารณาดูตัวตนที่แท้จริงของเราเอง Noah ให้ภาพสัญชาตญาณและกิเลสที่ครอบงำทุกตัวละครโดยเฉพาะโนอาห์ที่พระเจ้าคิดว่าเขาคือคนดีที่จะต้องปกป้องเอาไว้ บทค่อยๆ กระเทาะเปลือกของโนอาห์ออกที่ละน้อยที่ละน้อย โนอาห์อาจจะเป็นคนที่มีคุณธรรมและคนดี แต่แท้ที่จริงแล้วมนุษย์ทุกคนที่ด้านมืดอยู่ภายในทุกคน รอเวลาที่ด้านมืดจะถูกกระตุ้นให้ตื่นขึ้นมาเท่านั้น เฉกเช่นโนอาห์ที่ความรู้สึกผิดและความรู้สึกบาปในตัวตนเริ่มกัดกินและทำให้เขาต้องเข้าสู่บททดสอบที่จะเดินเข้าสู่ด้านมืดตลอดกาลหรือเป็นคนที่พระเจ้าเล็งเห็นว่า เขาคือคนที่ใช่ แต่เหนืออื่นใด การกำหนดชะตาชีวิตของตัวเราเองนั้นไม่ได้อยู่ที่น้ำมือของพระเจ้าหรือของใคร แต่มันอยู่ที่ตัวเราเองที่จะเชื่อมั่นในการกระทำ ความคิดและศรัทธาของตัวเราเองแค่ไหน เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ทุกอย่างเป็นลิขิตที่เราเป็นคนเลือกที่จะเขียนและเลือกที่จะเป็นเอง