Goodnight Mommy (2014)

 photo goodnightmommy_zpsokdlfzjz.jpg

ลูคัส (ลูคัส ซาวาร์ส) และ อีเลียส (อีเลียส ซาวาร์ส) ฝาแฝดผู้อยู่อาศัยกับแม่ในบ้านที่ชนบทห่างไกล วันหนึ่งเมื่อแม่ (ซูซานเน วาสร์) กลับมาจากในเมือง หลังจากไปทำศัลยกรรมมา ทั้งคู่เริ่มสงสัยเพราะแม่มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากเดิม ทั้งสองพยายามหาคำตอบและเริ่มสงสัยว่า คนที่เห็นอยู่ตรงหน้าอาจจะไม่ใช่แม่ของพวกเขา ทั้งลูคัสและอีเลียสจึงเริ่มค้นหาคำตอบก่อนจะพบความจริงที่น่าสะพรึงกลัว

Goodnight Mommy หรือ Ich seh, Ich she ภาพยนตร์แนวเขย่าขวัญเชิงจิตวิทยาจากประเทศออสเตรีย ผลงานกำกับและเขียนบทภาพยนตร์โดยคู่หู ซาวาเรน เฟียร่า และ วาโรนิก้า ฟรานซ์ ที่เคยมีผลงานด้านภาพยนตร์สารคดีและภาพยนตร์ขนาดสั้นมาก่อนหน้านี้

Good Night Mommy ใช้การดำเนินเรื่องในลักษณะไม่บอกหรือกล่าวอะไรมากกับผู้ชม เริ่มเรื่องด้วยการเล่นของเด็กสองคน ก่อนจะตัดไปฉากที่เผชิญหน้ากับแม่ที่ไปทำศัลยกรรมมา ผู้ชมรับรู้เบื้องหลังของตัวละครทั้งสามแบบน้อยมาก รู้เท่าที่ผู้กำกับบอกผ่านจากคำพูดและพฤติกรรมต่างๆ ของคนรอบข้าง การดำเนินเรื่องในช่วงแรกค่อนข้างเนือยตามแบบฉบับภาพยนตร์ทางฝั่งยุโรป จากนั้นก็ค่อยๆ เพิ่มดีกรีเขย่าขวัญด้วยพฤติกรรมและสภาพแวดล้อมที่ไม่น่าไว้วางใจ จนคนดูไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเรื่องราวทั้งหมดมันเป็นอย่างไรจนกระทั่งซีนสุดท้ายของเรื่อง นับว่าเป็นภาพยนตร์แนวเขย่าขวัญเชิงจิตวิทยาที่น่าสนใจ แม้ว่าเนื้อหาจะคล้ายกับภาพยนตร์เรื่องอื่นก่อนหน้า แต่ด้วยรูปแบบการนำเสนอและบทที่ค่อยๆ เฉลยที่ละส่วน ทำให้ Goodnight Mommy เป็นภาพยนตร์ที่น่าสนใจและใคร่หามาชมเป็นที่สุด

เพชฌฆาตคนสุดท้าย (2014)

 photo the-last-executioner-01_zpsbrrm8x10.jpg

เชาวเรศน์ จารุบุณย์ (วิทยา ปานครีงาม) เป็นมือประหารคนสุดท้ายของประเทศไทย ที่ปลิดชีวิตนักโทษด้วยวิธีการยิงเป้า เชาวเรศน์เริ่มต้นจากนักดนตรีหนุ่มผู้หลงใหลในเพลงร็อคแอนด์โรล และเล่นดนตรีให้กับเหล่าทหารไอจีในช่วงสงครามเวียดนาม เขาต้องเลือกทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ผู้คุมในเรือนจำเพื่อความมั่นคงของครอบครัวที่เขารักเขาใช้ชีวิตทั้งชีวิตยอมรับกรรมดีกรรมชั่วที่เกิดจากหน้าที่ของเขา ในการทำหน้าที่เป็นเพชฌฆาตผู้ปลิดชีพ ตลอดเวลา 19 ปีที่รับราชการในเรือนจำกลางบางขวาง หรือที่รู้จักกันดีในรม คุกเสือใหญ่ หรือ The Bangkok Hilton ชาวเรศน์สังหารนักโทษมาแล้วถึง 55 คน แม้เขาจะยึดมั่นในระบบที่เขาศรัทธาและเคารพ ในลึกๆ ในใจความขัดแย้งในสิ่งที่เขาทำเป็นหน้าที่ก็กำลังก่อตัวทวีมากขึ้น ระหว่างเส้นคั่นบางๆ ของคำว่า เพชฌฆาต หรือ ฆาตกร กันแน่

เพชฌฆาตคนสุดท้าย หรือ The Last Executioner ภาพยนตร์แนวดรามากึงชีวประวัติของเพชฌฆาตคนสุดท้ายของเมืองไทย เมื่อรัฐบาลประกาศให้ยกเลิกโทษประหารโดยการยิงเป้าเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2546 มาเป็นการฉีดสารพิษแทน เพชฌฆาตคนสุดท้ายเป็นผลงานการกำกับเรื่องที่สองของผู้กำกับ ทอม วอลเลอร์ (ศพไม่เงียบ) จากบทภาพยนตร์ของ ดอน ลินเดอร์ ที่อิงจากนวนิยายเชิงอัตชีวประวัติที่เขียนโดย เชาวเรศน์ จารุบุณย์

เพชฌฆาตคนสุดท้าย เลือกการดำเนินเรื่องแบบตัดสลับไปมาระหว่างอดีตและปัจจุบัน ภายใต้ห้วงคำนึงของตัวละครอย่างเชาวเรศน์ ที่ได้ วิทยา ปานศรีงาม (ที่โด่งดังจากบทหลวงพ่ออนันดาใน ศพไม่เงียบ) ที่แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งทางจิตใจระหว่าง บุญและบาป ผ่านตัวละครยมบาลของ เดวิด อัศวนนท์ เพชฌฆาตคนสุดท้ายถือว่าเป็นงานแสดงแบบเดี่ยวไมโครโฟนของวิทยาอีกครั้ง โดยมีหลากหลายตัวละครคอยเสริมทัพ โดยเฉพาะบท ติ๋ว (เพ็ญพักตร์ ศิริกุล) ภรรยาที่ยืนหยัดเคียงข้างสามีโดยตลอดจนกระทั่งวาระสุดท้าย ขอผิดพลาดของ เพชฌฆาตคนสุดท้าย ความไม่ลงตัวของฉากแสดงความขัดแย้งในจิตใจผ่านตัวละครยมบาล และงานโปรดักชั่นที่ดูไม่ค่อยสมยุคสมสมัยสักเท่าไหร่ แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ เพชฌฆาตคนสุดท้าย เป็นภาพยนตร์ไทยที่ควรมองข้ามสำหรับผู้ที่ต้องการเสพภาพยนตร์ไทยที่แตกต่างจากตลาดหลักในขณะนี้

Doraemon: Nobita and the Space Heroes (2015)

 photo 7f_doraemonstillgoing10_zpswmtxacuv.jpg

โนบิตะที่อยากจะเป็นฮีโร่อวกาศจึงร้องขอให้โดราเอมอนช่วยนำอุปกรณ์ที่ทำให้แสดงเป็นฮีโร่ขึ้นมา โดราเอมอนจึงนำผู้กำกับเบอร์เกอร์ออกมา และเปลี่ยนทัศนียภาพของภูเขาหลังโรงเรียนให้กลายเป็นอวกาศ ขณะเดียวกันได้มียานอวกาศปริศนาตกลงมายังโลก และโนบิตะก็ได้พบกับ อารอน ตำรวจอวกาศแห่งดาวพ็อคคุรุ ซึ่งทุกๆ คนก็คิดว่าทั้งหมดเป็นการแสดง แต่แล้วก็พบเจออันตรายมามากมาย จึงรู้ว่านี่คือเรื่องจริงไม่ใช่การแสดง โนบีตะและทุกคนจะทำอย่างไร และจะช่วยเหลือดาวพ็อคคุรุให้รอดพ้นจากน้ำมือของเหล่าโจรสลัดอวกาศได้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปหรือไม่

Doraemon: Nobita and the Space Heroes ภาพยนตร์อนิเมชั่นญี่ปุ่นของอนิเมชั่นตลอดกาลอย่าง โดราเอมอน ถือเป็นอนิเมชั่นตอนพิเศษที่ 36 ของอนิเมชั่นชุดนี้ และเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 35 ตอนของอนิเมชั่นโดราเอมอนตอนพิเศษ และเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีสำหรับอนิเมชั่นโดราเอมอนอีกด้วย ฝีมือการกำกับของ โยชิอิโร โยสุกิ จากบทภาพยนตร์ของ ฮิกาชิ ชิมิสึ

Doraemon: Nobita and the Space Heroes ยังคงเสน่ห์ดั้งเดิมของอนิเมชั่นชุดโดราเอมอน ไม่ว่าจะเป็นการให้กำลังใจ ความรักพวกพ้อง การต่อสู้เพื่อผดุงความยุติธรรม และความเด็ดเดียวตั้งมั่นของเหล่าผองเพื่อนโดราเอมอน รวมถึงการสร้างจินตนการไม่รู้จบให้กับผู้ชม แม้ว่าเนื้อหาและการดำเนินเรื่องจะไม่มีอะไรพิเศษ และตอนจบที่ดูจะหาทางออกง่ายดายเกินไป แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้เสน่ห์ที่แท้จริงของอนิเมชั่นชุดโดราเอมอนนี้จางหายไป แต่มันกลับทำให้รู้สึกว่าได้เจอะเจอเพื่อนเก่าอีกครั้ง แม้ว่าจะเป็นการเจอกันปีละหนก็ตามที แต่ก็ถือว่าสมใจและหายยากความคิดถึงเพื่อนเก่า

Ride Along (2014)

 photo Ride Along-01_zpsitubebo2.jpg

เบน (เควิน ฮาร์ท) เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยในโรงเรียนแห่งหนึ่ง เบนคบหาอยู่กับ แองเจลล่า (ทิก้า ซัมเตอร์) เบนพยายามสอบเข้าโรงเรียนตำรวจ เพื่อให้แองเจลล่ารู้สึกว่าเขาดีพอ แต่อุปสรรคสำคัญคือ เจมส์ (ไอซ์ คูบ) ที่ไม่ค่อยชอบขี้หน้าว่าที่น้องเขยอย่างเบนสักเท่าไหร่ วันหนึ่งเบนได้รับจดหมายตอบรับเข้าเรียนโรงเรียนตำรวจ เจมส์เห็นว่าเป็นโอกาสเหมาะที่จะแกล้งและหาเรื่องทำให้เบนรู้สึกว่าเขาไม่เหมาะกับแองเจลล่า เจมส์จึงชวนเบนให้ออกตรวจท้องที่กับเขาในวันที่ทุกอย่างดูโกลาหลและสุดป่วน เบนจำเป็นต้องเอาตัวให้รอดจากคืนที่ป่วนที่สุดในชีวิตคืนนี้ให้ได้

Ride Along ภาพยนตร์แอ็คชั่นคอมเมดี้ ผลงานกำกับของ ทิม สตอรี่ (Barbershop, Taxi, Fantastic Four, Fantastic Four: Rise of the Silver Surfer และ Think Like a Man) จากบทภาพยนตร์ที่ เกร็ก คูลิเอช (Employee of the Month) เขียนร่วมกับ เจสัน แมนซัวกัส ฟิลเฮย์ (Crazy/ Beautiful, The Tuxedo, Aeon Flux, Clash of Titans และ R.I.P.D) และ แมท แมนเฟดี้ (Crazy/ Beautiful, The Tuxedo, Aeon Flux, Clash of Titans และ R.I.P.D)

Ride Along เป็นการนำของเก่ามาเล่าใหม่ในลักษณะทำแพ็คเกจใหม่ ใส่สีสันและความฉูดฉาด ผลลัพธ์ที่ได้มาคือ ความหฤหรรษในรูปแบบ โหด มันส์ ฮา Ride Along เป็นลักษณะของภาพยนตร์ที่ได้ทีมงานที่เหมาะเจาะ เข้ากันได้ดี ทีมนักแสดงที่แข็งแกร่ง และเล่นรับมุขกันแบบไม่ต้องบอกบท คนที่น่าจะโดดเด่นที่สุดคงเป็น เควิน ฮาร์ท ที่รับบทเป็น เบน ด้วยบุคลิกจำพวก ผีเจาะปากมาพูด และเล่นพูดชนิดน้ำไหลไฟดับ ทำให้ตัวละครเบนน่าหมั่นไส้และน่าขบขันในเวลาเดียวกัน แม้ว่าบทจะไม่มีอะไรใหม่และค่อนข้างเดาทางได้ไม่ยาก แต่ในเรื่องความบันเทิง ขอบอกว่า Ride Along สอบผ่านอย่างไม่น่าเชื่อ

Home (2015)

 photo 632_zpslqpsprpf.jpg

เมื่อโลกถูกยึดครองโดย บูฟ เอเลี่ยนที่มั่นใจตัวเองจนเกินเหตุที่เสาะแสวงหาดินแดนแห่งใหม่สำหรับเป็นที่อยู่อาศัย มนุษย์โลกทุกคนต้องอพยพย้ายถิ่นอย่างกระทันหัน ขณะนั้นพวกบูฟต่างก็ยุ่งกับการจัดระเบียบปรับปรุงโลก แต่เมื่อเด็กสาวเจ้าปัญญาอย่าง ทิป (รีฮานน่า) จัดการให้พ้นจากการถูกครอบงำ เธอพบว่าตัวเองตกเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับบูฟที่ถูกเนรเทศอย่าง โอ (จิม พาร์สันส์) ทั้งคู่ตกเป็นผู้ลี้ภัยที่โดนตามล่าโดยผู้นำ บูฟ อย่าง กัปตัน สมัค (สตีฟ มาร์ติน) ระหว่างที่หลบหนีการตามล่า ทั้งสองพบว่ามันมีความเสี่ยงต่อความสัมพันธ์ระหว่างดวงดาวมากกว่าพวกเขาเคยผจญภัยมาทั้งชีวิต

Home ภาพยนตร์อนิเมชั่นอารมณ์ดีหลากหลายสีสัน ผลงานการกำกับโดย ทิม จอห์นสัน (Antz, Sinbad: Legend of the Seven Seas และ Over the Hedge) จากบทภาพยนตร์ของ ทอม เจ เอสทัล และ แมท แอมเบอร์ (Failure to Launch, Get Smart และ Epic) ซึ่งดัดแปลงจากนิยายเรื่อง The True Meaning of Smekday จากปลายปากกาของ อดัม เร็กซ์

Home อาจจะมีลายเส้นที่ไม่สวยงาม และตัวละครที่ไม่น่าสนใจเมื่อแรกเห็น แต่ด้วยเนื้อหาที่ซ่อนอยู่ทำให้เราได้รับรู้ว่า ครอบครัวเป็นสิ่งที่สอนให้เหล่าบูฟเข้าใจและเรียนรู้ถึงความรัก ความเห็นอกเห็นใจ รวมถึงความกล้าหาญในการปกป้องคนที่เรารัก ซึ่งเป็นสิ่งที่เหล่าบูฟไม่เคยได้เรียนรู้และเข้าใจมาก่อน อีกทั้งทุกๆ คนอาจจะทำผิดพลาดมานับครั้งไม่ถ้วน แต่หากมีความตั้งใจแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด การให้อภัยและให้โอกาสก็เป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนาและต้องการ เหล่านี้ทำให้ Home เป็นอนิเมชั่นที่อาจจะเหมาะสำหรับผู้ใหญ่ ในขณะเดียวกันก็เหมาะที่จะใช้สอนเยาวชนให้เรียนรู้และเข้าใจการอยู่ร่วมในสังคม มากกว่าการก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์จนลืมคำนึงถึงคนรอบข้างที่อยู่รอบๆ ตัวเรานั่นเอง

The Boxtrolls (2014)

 photo box23_zps5cwc7dkr.jpg

ในชีสบริดจ์เมืองงดงามในยุควิคตอเรีย ภายใต้ถนนก้อนกรวดที่นั้นเป็นที่อยู่อาศัยของพวกบ็อกซ์โทรลล์ สัตว์ประหลาดน่าเกลียดน่ากลัว ที่จะคืบคลานออกจากท่อระบายน้ำในยามค่ำคืน และขโมยสิ่งที่ชาวเมืองหวงแหนที่สุด ซึ่งก็คือลูกๆ และชีสของพวกเขา นั่นเป็นตำนานที่ชาวเมืองเชื่อมาโดยตลอด แต่จริงๆ แล้ว พวกบ็อกซ์โทรลล์เป็นพวกตัวประหลาดนิสัยแปลกพิลึกอย่างน่ารักที่อาศัยอยู่ในถ้ำใต้ดิน พวกมันสวมลังกระดาษรีไซเคิลในแบบที่เต่าสวมกระดอง พวกบ็อกซ์โทรลล์ได้เลี้ยงดู เอ็กส์ (เฮมป์สเตด-ไรท์) เด็กกำพร้ามนุษย์คนหนึ่งตั้งแต่แบเบาะราว กับเขาเป็นพวกเดียวกัน ที่อาศัยอยู่ในกองขยะและสะสมขยะเครื่องยนต์กลไกเหมือนกัน เมื่อพวกบ็อกซ์โทรลล์ตกเป็นเป้าหมายของอาร์ชิบัลด์ สแนทเชอร์ (เบนส์ คิงส์ลีย์) พนักงานกำจัดแมลงจอมวายร้าย ที่ตั้งใจจะใช้การกำจัดพวกเขาให้สิ้นซาก กลุ่มตัวประหลาดหัวใจงามพวกนี้ก็ต้องอาศัยเด็กที่พวกเขาเลี้ยงดูมา และวินนี (เอล แฟนนิง)เด็กสาวร่ำรวยที่รักการผจญภัย ให้เป็นสะพานเชื่อมทั้งสองโลกเข้าด้วยกัน ท่ามกลางสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง และชีส

The Boxtrolls ภาพยนตร์อนิเมชั่นแนวสต๊อปโมชั่น ผลงานกำกับของสองผู้กำกับ แอนโทนี สตาร์ชชี่ และ เกรแฮมแอนนาเบล ทั้งคู่อยู่เบื้องหลังอนิเมชั่นดีๆ ไม่ว่าจะเป็น James and the Giant Peach, ParaNorman และ Coraline จากบทภาพยนตร์ของ ไอรินา บริคนัวร์ (Shakespeare in Love) และ อดัม พาวา ที่ดัดแปลงจากนิยาย Here Be Monsters! ของ อลัน สโนว์

The Boxtrolls นำเสนอเรื่องราวของกลุ่มตัวประหลาดที่เป็นที่รังเกียจของชาวเมือง แต่โดยเนื้อแท้แล้วพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารัก และไม่เป็นภัยกับใคร พวกมันอาจจะชอบหยิบของไปโดยไม่บอกกล่าว แต่พวกมันมีทักษะในการซ่อมแซมสิ่งของต่างๆ ผิดกับชาวเมืองโดยเฉพาะชนชั้นสูงที่ไม่สนใจใยดีอะไร นอกจากเรื่องของตนเองเท่านั้น อีกทั้งการบอกเล่าผ่านมุมมองของเด็กที่มองโลกด้วยใจที่อคติน้อยกว่าผู้ใหญ่ การดำเนินเรื่องราวอาจจะดูไม่ค่อยน่าสนใจ แต่หากดูจนจบแล้วจะเห็นว่านี่คืออนิเมชั่นที่ทีมงานตั้งใจและทุ่มเท ด้วยเทคนิคสต๊อปโมชั่นที่นับวันจะหาดูได้ยาก ทำให้ The Boxtrolls เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นที่น่าสนใจและควรหามาลองชมดูสักครั้ง

White God (2014)

 photo alternative-poster-for-white-god-is-as-gripping-and-powerful-as-the-film-itself-327365_zpsmsovtz0o.jpg

ลิลี่ (โซเฟีย โพสต้า) เด็กสาวและสุนัขคู่ใจ ฮาร์เก้น (ลุค และ บอดี้) ต้องย้ายไปอยู่กับ แดเนี่ยล (แซนโด โซเตอร์) พ่อของเธอซึ่งแทบไม่ค่อยเจอหน้ากัน ประกอบกับกฏจำกัดสุนัขพันธ์ทางถูกประกาศ เป็นเหตุให้ลิลี่และฮาร์เก้นถูกแยกจากกัน แม้ทั้งคู่จะตามหากันเท่าไหร่ก็ไม่พบ ในที่สุดหลังจากหมดหวังในการตามหา และเมื่อฮาร์เก้นเข้าไปพัวพันกับกลุ่มสุนัขจรจัดและถูกจับเข้าสู่ศูนย์พักพิงสัตว์จรจัด มันพบว่าทางเดียวที่จะหนีจากที่นี่ออกไปได้คือ ต้องพาเหล่าเพื่อนนักโทษสุนัขออกมาทำการปฎิวัติเมืองของมนุษย์ โดยอาจมีเพียงลิลี่ที่สามารถหยุดกองทัพสุนัขเหล่านี้ได้

White God หรือ Feher isten ภาพยนตร์ดรามาระทึกขวัญจากประเทศฮังการี ผลงานกำกับของผู้กำกับ กอร์เนล มุนดรุคโซ (Pleasant Days, Delta และ Tender Son: The Frankenstein Project) ซึ่ง มุนดรุคโซรับหน้าที่เขียนบทภาพยนตร์รวมกับ วิคตอเรีย ปีทรานิ และ เกต้า เวย์เบอร์ โดยรับแรงบันดาลใจจากการพยายามผ่านกฎหมายในฮังการีให้ผู้ที่เลี้ยงสุนัขพันธุ์ทางต้องเสียภาษีเพิ่ม (แต่สุดท้ายกฎหมายฉบับไม่ผ่าน)

White God ใช้การดำเนินเรื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยให้ผู้ขมได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่าง ลิลลี่ และ ฮาร์เก้น ซึ่งเสริมความสมเหตุสมผลสำหรับบทสรุปในตอนท้าย สอดแทรกความสัมพันธ์ที่ห่างเหินและเธอกับพ่อ อีกทั้งการบอกเล่าเรื่องราวผ่านสายตาของสุนัขอย่างฮาร์เก้น ที่ต้องพบเจอกับการทารุณกรรมสัตว์หลากหลายรูปแบบ เป็นเหตุให้สุดท้ายสัตว์ที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับมนุษย์ก็ทำการลุกฮือและปฎิวัติเอาคืนกับคนที่ทำให้พวกมันเป็นแบบนี้ นอกจากนี้แล้วบทยังสอดแทรกเปรียบเปรยการต่างชนชั้นวรรณะ การเหยียดผิว และปัญหาสังคมผ่านทางสุนัขเหล่านี้ ด้วยไอเดียและการนำเสนอที่แปลกใหม่ ทำให้ White God ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์หลายสำนัก รวมถึงการได้รับเกียรติเข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์ที่เมืองคานส์ และได้รับรางวัล Un Certain Regard มาครองในที่สุด

Mission Impossible: Rogue Nation (2015)

 photo MI503_zpsovoownfr.jpg

เมื่อภาระกิจในลอนดอนล้มเหลว และตัวตนของทุกคนในหน่วย IMF ถูกเปิดเผยโดยองค์กรลับที่มีชื่อว่า ซินดิเคทต อีธาน ฮันต์ (ทอม ครูซ) ถูกจับและทรมานเพื่อเค้นความจริงบางอย่าง หากแต่ฮันต์ได้รับการช่วยเหลือจากจารชนสาวอังกฤษ อิลซา (รีเบคก้า เฟอร์กูสัน) ออกจากที่คุมขัง ฮันต์สืบหาจนรู้ว่าองค์กรซินดิเคตมีผู้นำที่โหดเหี้ยมนาม โซโลมอน เรน (ฌอน แฮร์ริส) อดีตสายลับอังกฤษที่แปรพักตร์ด้วยเหตุผลบางอย่าง งานนี้ฮันต์ต้องรวบรวมทีมเก่าไม่ว่าจะเป็น เบนจี้ (ไซมอน เพก) แบรนท์ (เจเรมี เรนเนอร์) และซี้เก่าอย่าง ลูเธอร์ (วิง แรมส์) พร้อมภาระกิจเสี่ยงตายเพื่อโค่นองค์กรลับซินดิเคตลงให้ได้

Mission Impossible: Rogue Nation ภาพยนตร์แอ็คชั่นเขย่าขวัญ อิงจากซีรีส์สุดฮิตระหว่างปี 1988-1990 สร้างสรรค์โดย บรูซ เกลเลอร์ ผลงานกำกับของ คริสโตเฟอร แมคไควร์รี่ (The Way of the Gun และ Jack Reacher) จากบทที่เขียนร่วมกับ ดรูว์ เพียรซ (Iron Man 3)

Mission Impossible: Rogue Nation ใช้การดำเนินเรื่องตามแบบต้นฉบับที่เป็นแนวหักเหลี่ยมและชิงไหวชิงพริบกัน คล้ายคลึงกับ Mission Impossible ในปี 1996 ที่กำกับโดย ไบรอัน เดอ พัลมา (The Untouchables, Snake Eyes และ Passion) บทภาพยนตร์ที่กระจายบทเด่นให้กับทุกคนอย่างเท่ากัน แต่ที่ดูจะขโมยซีนเด่นน่าจะเป็น รีเบคก้า (Hercules 2014) ในบท สายลับสองหน้า อิลซา ที่ดูจะมีปูมหลังและเป็นตัวละครที่คาดเดาได้ยากว่าอยู่ฝ่ายไหนกันแน่ Mission Impossible: Rogue Nation ให้ความเพลิดเพลินกับผู้ชม ด้วยบทที่ชัดเจน ฉากแอ็คชั่นที่ดูเร้าอารมณ์ และมุขตลกที่แทรกเข้ามาอย่างพอเหมาะพอควร ทำให้ Mission Impossible: Rogue Nation เป็นภาพยนตร์ที่ดูสนุกคุ้มค่าตั๋วประจำปี 2015 อีกเรื่องไปโดยปริยาย