As Good As It Gets (1997)

Photobucket

เมลวิน ยูดอล (แจ็ก นิโคลสัน) นักเขียนนวนิยายรักมีชื่อ ที่เป็นโรคย้ำคิดย้ำคำ กลัวความสกปรก เหยียดผิว และปากร้าย มีนิสัยเห็นแก่ตัว และชอบพูดจาถากถางใครๆ ให้เจ็บใจ เป็นที่เอือมระอาต่อเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะไซมอน (เกร็ก คินเนียร์) จิตรกรเกย์ข้างห้อง ที่เลี้ยงหมาตัวเล็กๆ ชื่อ เวอร์เดล ทุกวันเมลวินจะต้องไปกินอาหารที่ร้านเดิม ที่โต๊ะตัวเดิม แต่ด้วยนิสัยปากร้าย ทำให้ไม่มีพนักงานเสิร์ฟคนไหนอยากบริการเขา มีเพียงคนเดียวคือ แครอล (เฮเลน ฮันท์) ที่รับมือกับเมลวินได้ วันหนึ่งแครอลไม่มาทำงาน เมลวินจึงตามไปที่บ้าน เพราะถ้าหากเธอไม่มาเสิร์ฟอาหารให้ ก็ไม่มีใครในร้านยินดีบริการเขา เมลวินพบว่าลูกชายของแครอลป่วยเป็นโรคภูมิแพ้และหอบหืด เขาจึงเสนอให้หมอนอร์แมน เบตส์ (แฮโรลด์ รามิส) สามีของบรรณาธิการที่ตีพิมพ์นวนิยายของเขา ไปรักษาลูกชายของแครอล เพื่อให้เธอกลับมาทำงานตามปกติ ในขณะเดียวกัน ไซมอนถูกโจรทำร้ายจนต้องเข้าโรงพยาบาล เมลวินถูก แฟรงก์ ซาชส์ (คิวบา กูดิง จูเนียร์) เพื่อนข้างห้องอีกคนหนึ่ง บังคับให้นำเวอร์เดลหมาของไซมอนมาดูแล จากการที่ได้ใกล้ชิดกับสัตว์เลี้ยง เมลวินเริ่มมีนิสัยที่อ่อนโยนลง และค่อยๆ ปรับตัวเข้าหาคนอื่น จนใครๆ ก็เริ่มรับรู้ว่าแท้ที่จริงเขาก็เป็นคนมีน้ำใจ

As Good As It Gets กำกับโดย เจมส์ เอลบรู๊ค จากบทภาพยนตร์ที่เขาเป็นคนเขียนขึ้นเอง ว่าด้วยเรื่องราวของคนในแมนฮัตตัน ที่แม้จะมีแต่ดาราอายุมากและดารารองบ่อน แต่หนังก็ทำเงินไปได้อย่างงดงาม พร้อมทั้งคว้ารางวัลใหญ่ 2 รางวัลจากเวทีออสการ์ (จากการเข้าชิง 7 รางวัล) คือ รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (แจ๊ค นิโคลสัน) และรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (เฮเลน ฮันต์)

หนังมีตัวละครหลักเพียงไม่กี่คน แต่กลับดำเนินเรื่องได้อย่างราบรื่นและน่าติดตาม โดยตัวหลักอยู่ที่ตัวละครอย่างเมลวิน ที่ใครได้ชมก็คงอยากบีบคอหมอนี้ให้ตายคามือ เพราะด้วยลีลายียวนกวนบาทาและคำพูดที่เชือดเฉือน ที่ใครได้ยินก็คงต้องสะอึก อีกทั้งพฤติกรรมแปลกประหลาด และดูเหมือนจะเอาตัวเองและความคิดเป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาล ที่ได้แจ็ค นิโคลสัน มารับบทที่ว่า ซึ่งก็แสดงได้อย่างลงตัว รวมถึงการแสดงที่เข้าขากันระหว่างเฮเลน ฮันต์ ในบทแ แครอล สาวเสริ์ฟที่สามารถทนพฤติกรรมแปลกๆ ของเมลวิน รวมถึงเป็นคนเดียวที่เมลวินไม่กล้าหือด้วย ยามที่พูดจากระทบกระทั่ง แต่เมื่อเขาเริ่มหลงรักแครอล มันก็ทำให้เขาอยากเป็นคนปกติ เป็นคนที่ดีสำหรับใครสักคนที่เขารักและเทิดทูน

หนังค่อยๆ ทำให้เราเห็นถึงธาตุแท้ของเมลวิน ที่แม้ว่าจะดูแปลกและแล้งน้ำใจ แต่ลึกๆ แล้วเป็นคนที่ทุกคนสามารถพึ่งพาได้ในยามคับขัน ทำให้เราเรียนรู้ว่า บางครั้งเราก็ตีค่าของคนจากสิ่งที่เห็นจากภายนอกไม่ได้ โดยแท้จริงแล้ว เมลวิน อาจจะมีปัญหาในการสื่อสารและสร้างปฎิสัมพัทธ์กับคนรอบข้าง (อาชีพของเมลวินคือนักเขียนนิยายรัก ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยมีความรัก แสดงว่าเขาเป็นคนที่มีจินตนาการค่อนข้างสูง และรวมถึงมีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูงเช่นเดียวกัน) หนังแสดงให้เราเห็นว่า การที่เราจะคบกับใครสักคน ไม่ว่าจะด้วยสถานะภาพใดก็ตาม เราไม่สามารถมองคนๆ นั้นเพียงด้านเดียว แต่อาจจะมองในด้านที่ดีบ้าง เสียบ้าง แล้วชั่งใจว่าเราเห็นด้านใดของเขามากกว่ากัน คนเราอาจจะไม่สมบูรณ์แบบไม่ซะทั้งหมด มันก็คงเหมือนชื่อเรื่องที่สุดท้ายแล้ว “คนเราดีเท่าที่มันจะเป็นไปได้” นั้นเอง